ปัญหาทั่วไป และ คู่มือแก้ปัญหาเมื่อรถของคุณเสีย

1. แบตเตอรี่หมด:

สาเหตุของแบตเตอรี่หมดมักเกิดขึ้นเมื่อแบตเตอรี่เก่า หรือ หากคุณเปิดไฟทิ้งไว้นานเกินไป มันไม่อันตราย แต่อาจทำให้รถของคุณสตาร์ทไม่ติด

วิธีแก้ไข:

1. รับสายจัมเปอร์และรถอีกคันที่มีแบตเตอรี่ดีๆ
2. เชื่อมต่อคลิปสีแดงเข้ากับขั้วบวก คลิปสีดำเข้ากับกราวด์โลหะที่อยู่ห่างจากแบตเตอรี่ของรถยนต์ทั้งสองคัน
3. สตาร์ทรถที่ใช้งานได้และปล่อยให้มันวิ่งสักครู่
4. ลองสตาร์ทรถของคุณ

2. ยางแบน:

สาเหตุอาจเกิดจากตะปู สกรู หรือเศษของมีคม บนถนนมักทำให้ยางแบน

วิธีแก้ไข:

1. หาที่จอดรถที่ปลอดภัยโดยด่วน หากฝืนขับต่อไปอาจทำให้ล้อเกิดการเสียหายได้ แล้วใช้แม่แรงในการยกรถ
2. ถอดน็อตออก เปลี่ยนยาง และขันน็อตเข้าไปใหม่ให้แน่น
3. ลดแม่แรงเอารถลงมา

3. เครื่องยนต์ร้อนจัด:

สาเหตุอาจเกิดจากน้ำหล่อเย็นต่ำหรือชิ้นส่วนชำรุด เช่น พัดลม ปั๊มน้ำ หรือ วาร์ว หรือาจเกิดจากการปิดฝาหม้อน้ำไม่สนิทซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนสูงเกินไป และ ดับได้ มันอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

วิธีแก้ไข:

1. หาที่จอดรถที่ปลอดภัยโดยด่วน แล้วดับเครื่องยนต์แล้วปล่อยให้เย็น
2. ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำและเติมใหม่หากเหลือน้อย
3. ตรวจสอบรอยรั่วใต้ท้องรถ หากไม่มีของเหลวไหลออกมา สาเหตุอาจเกิดจาก การชำรุดของอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบหม้อน้ำซึ่งควรนำรถไปให้ช่างตรวจสอบ

4. เครื่องยนต์ดับ:

สาเหตุสามารถมาจากการที่ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงอุดตัน หรือ ปัญหาในการสตาร์ทอาจทำให้เครื่องยนต์ดับได้

วิธีแก้ไข:

1. ลองสตาร์ทรถใหม่หลังจากหยุดพักช่วงสั้นๆ
2. ตรวจสอบปัญหาตัวกรองน้ำมันเชื้อเพลิงหรือเซ็นเซอร์
3. หากรถดับขณะกำลังขับขี่บนถนนให้เปิดไฟฉุกเฉิน ลองรีสตาร์ท และเคลื่อนย้ายไปยังจุดที่ปลอดภัยหากติดขัดในการจราจร

5. พวงมาลัยล็อค:

มักเกิดขึ้น เมื่อดับเครื่องยนต์ขณะหมุนล้อ หรือ อาจมีปัญหาทางกลไก

วิธีแก้ไข:

ลองกระตุกพวงมาลัยเบาๆ ขณะบิดกุญแจในการสตาร์ทรถ

หากไม่สำเร็จ ให้ลองออกแรงกดเบาๆ บนพวงมาลัยในทิศทางตรงกันข้ามกับล็อคขณะบิดกุญแจ

การทำความเข้าใจปัญหารถเหล่านี้และเข้าใจวิธีแก้ปัญหาทำให้คุณเกิดความกังวลน้อยลง และ รับมือกับปัญหาที่เกิดได้ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้ช่วยลดอันตรายได้ สิ่งสำคัญคือการขับขี่อย่างระมัดระวัง และ รับมือกับปัญหาอย่างมีสติ